สหราชอาณาจักรแต่งตั้ง “เบลส เมทเรเวลี” เป็นผู้อำนวยการคนใหม่ของหน่วยสืบราชการลับ (MI6)

17-6-2025

   นับเป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงจะขึ้นเป็นผู้นำหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่ MI6 ก่อตั้งขึ้นในปี 1909 เมทเรเวลี วัย 47 ปี มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม แทนที่ริชาร์ด มัวร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ MI6 มาตั้งแต่ปี 2020

   เธอเข้าร่วมงานกับ MI6 ในปี 1999 และเคยดำรงตำแหน่งภาคสนามหลากหลายตำแหน่งทั้งในตะวันออกกลางและยุโรป ปัจจุบันเธอรับผิดชอบด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของหน่วยงาน ซึ่งภายในเรียกกันว่า "Q"

   นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ประกาศแต่งตั้งเมทเรเวลีเมื่อวันอาทิตย์ โดยระบุว่าการแต่งตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับ “ภัยคุกคามในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

   เมทเรเวลีจบการศึกษาด้านมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเคยดำรงตำแหน่งระดับผู้อำนวยการใน MI5 ซึ่งเป็นหน่วยความมั่นคงภายในประเทศของสหราชอาณาจักร การแต่งตั้งครั้งนี้ทำให้ MI6 เดินตามรอยหน่วยงานคู่ขนานอย่าง MI5 และ GCHQ ซึ่งเคยมีผู้นำเป็นผู้หญิงมาก่อน

   เธอจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยจะใช้รหัสเรียกขาน “C” ซึ่งเป็นธรรมเนียมของผู้อำนวยการ MI6 การแต่งตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างประเทศ เช่น ความขัดแย้งในยูเครน และวิกฤตในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น สหราชอาณาจักรได้กล่าวหาว่ารัสเซียมีส่วนในปฏิบัติการก่อวินาศกรรมในยุโรปหลายครั้ง แม้จะไม่ได้นำเสนอหลักฐานต่อสาธารณะ นอกจากนี้ ยังได้ระบุว่าจีนและอิหร่านเป็น “ฝ่ายตรงข้ามหลัก”

   ในบทสัมภาษณ์กับ The Telegraph เมื่อเดือนธันวาคม 2021 ขณะที่เมทเรเวลีดำรงตำแหน่งใน MI5 โดยใช้ชื่อรหัสว่า “ผู้อำนวยการ K” เธอระบุว่า “ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติสหราชอาณาจักรมีความหลากหลาย” และกล่าวว่า “กิจกรรมของรัฐรัสเซียยังคงเป็นภัยคุกคาม” ขณะเดียวกันก็กล่าวว่า “จีนกำลังเปลี่ยนโฉมโลก และนั่นนำมาซึ่งทั้งโอกาสและภัยคุกคามต่อสหราชอาณาจักร”

   เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวหา MI6 มานานแล้วว่าให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน โดยอ้างว่า MI6 เป็นผู้ฝึกฝนหน่วยลาดตระเวนของยูเครนเพื่อปฏิบัติการก่อกวนและวินาศกรรมต่อรัสเซีย

  ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรยังคงเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่แน่นแฟ้นที่สุดของยูเครน แม้ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ จะพยายามรื้อฟื้นการเจรจากับมอสโกและยุติความขัดแย้งในยูเครนก็ตาม

IMCT News