มัสก์'จี้ปฏิรูป NATO ชี้พันธมิตรทหารล้าสมัย
![](../image/news/content_20250213060619.jpg)
มัสก์'จี้ปฏิรูป NATO ชี้พันธมิตรทหารล้าสมัย
13-2-2025
Newsweek รายงานว่า อีลอน มัสก์ หัวหน้าแผนกประสิทธิภาพรัฐบาล ทรัมป์ ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) อีกครั้ง โดยระบุว่าพันธมิตรทหารที่ก่อตั้งตั้งแต่ยุคสงครามเย็นอาจได้รับผลกระทบจากแนวทางด้านความร่วมมือระหว่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่
มัสก์โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย X (อดีตทวิตเตอร์) เมื่อวันพุธ(12 ก.พ.) ว่า "NATO ต้องการการปฏิรูป" เพื่อตอบรับความเห็นของวุฒิสมาชิกไมค์ ลี จากพรรครีพับลิกันที่ระบุว่า "สงครามเย็นจบไปแล้ว NATO ล้าสมัย"
ความเห็นดังกล่าวมีนัยสำคัญ เนื่องจากมัสก์ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกประสิทธิภาพรัฐบาล ซึ่งเป็นองค์กรที่ปรึกษาที่ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนผลักดันการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทั้งด้านโครงสร้างและการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง จนทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตกล่าวหาว่าเขากำลัง "ยึดครองรัฐบาลแบบปฏิปักษ์" แม้มัสก์จะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
อิทธิพลของมัสก์ในทำเนียบขาว ประกอบกับท่าทีที่ไม่เห็นด้วยกับNATO มาอย่างยาวนานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งผลให้สหรัฐฯ ปรับเปลี่ยนท่าทีต่อพันธมิตรทางทหารข้ามชาติที่มีสมาชิก 32 ประเทศ
ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม 2024 มัสก์เคยตั้งคำถามถึงเหตุผลการดำรงอยู่ของNATO หลังสนธิสัญญาวอร์ซอ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารคู่ปรับในยุคสงครามเย็นระหว่างสหภาพโซเวียตกับประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออกถูกยุบไปแล้ว
มัสก์ยังเคยปะทะกับโรเบิร์ต บาวเออร์ ประธานคณะกรรมการทหารNATO ที่แสดงความกังวลว่าโซเชียลมีเดียถูกใช้เป็นเครื่องมือเผยแพร่ข้อมูลเท็จ โจมตีทางไซเบอร์ และแทรกแซงการเลือกตั้ง โดยมัสก์ตอบโต้ว่า "สร้างเรื่องแต่งของออร์เวลล์ขึ้นมาใหม่! พวกแบบนี้คิดว่าปี 1984 เป็นคู่มือการใช้งาน"
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์เองก็วิพากษ์วิจารณ์ NATO มาตลอดสมัยแรก โดยกดดันให้ประเทศสมาชิกเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม พร้อมโต้แย้งว่าสหรัฐฯ แบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านความมั่นคงของยุโรปอย่างไม่เป็นธรรม และเคยขู่ถอนตัวจากพันธมิตร ล่าสุดก่อนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ทรัมป์เรียกร้องให้นาโต้เพิ่มเป้าหมายการใช้จ่ายด้านกลาโหมของแต่ละประเทศจาก 2% เป็น 5% ของ GDP
ล่าสุดเมื่อวันอังคาร(11 ก.พ.) พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ เดินทางเยือนสำนักงานใหญ่นาโต้ที่กรุงบรัสเซลส์เป็นครั้งแรก โดยปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าร่วมพันธมิตร ยืนยันว่าทหารสหรัฐฯ จะไม่มีส่วนร่วมในภารกิจหลังสงคราม และระบุว่าการเจรจากับรัสเซียเพื่อให้ยูเครนได้ดินแดนกลับคืนสู่พรมแดนก่อนปี 2014 เป็นเรื่อง "ไม่สมจริง"
เฮกเซธเคยวิพากษ์วิจารณ์นาโต้ไว้ในหนังสือ "The War on Warriors: Behind the Betrayal of the Men Who Keep Us Free" ที่ตีพิมพ์ในปี 2024 โดยตั้งคำถามว่า "ทำไมอเมริกา ซึ่งเป็น 'เบอร์โทรฉุกเฉิน' ของยุโรปตลอดศตวรรษที่ผ่านมา ต้องฟังประเทศที่อวดอ้างความชอบธรรมแต่ไร้อำนาจ ที่ขอให้เราเคารพข้อตกลงป้องกันประเทศที่ล้าสมัยและเอนเอียง ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่ปฏิบัติตาม"
"หากประเทศใน NATOยอมจ่ายเงินเพื่อป้องกันตัวเองจริงๆ ก็คงดี แต่พวกเขาไม่ทำ พวกเขาแค่ตะโกนเรื่องกฎระเบียบ ในขณะที่ตัดงบกองทัพตัวเองและร้องขอความช่วยเหลือจากอเมริกา" เฮกเซธเขียน
อย่างไรก็ตาม เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดี ให้สัมภาษณ์คริสเตน เวลเกอร์ ผู้สื่อข่าวNBC ระหว่างการรณรงค์หาเสียงว่า "แน่นอนว่าเราจะเคารพพันธกรณี NATO" พร้อมระบุว่าทรัมป์ต้องการให้สหรัฐฯ "ยังคงอยู่ใน NATO" แต่ประเทศสมาชิก โดยเฉพาะเยอรมนี จำเป็นต้อง "แบ่งเบาภาระด้านการป้องกันประเทศให้มากขึ้น"
ขณะนี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลทรัมป์จะยังคงตั้งใจรักษาสถานะสมาชิก NATOไว้ แต่จะยังคงกดดันประเทศสมาชิกให้บรรลุเป้าหมายการใช้จ่ายด้านกลาโหมที่ 2% ของ GDP ซึ่งเป็นข้อตกลงที่มีมายาวนาน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/elon-musk-goes-after-nato-2030046