IMF เตือน 'ทรัมป์' นโยบายภาษี-เศรษฐกิจใหม่ทำร้ายสหรัฐฯ มากกว่าจีน
21-1-2025
IMF ฟันธงทรัมป์ 2.0 ขึ้นภาษีจีน 60% สะท้อนกลับทำร้ายสหรัฐฯ มากกว่า เหตุผลจีนไม่ตื่นภัยคุกคามทรัมป์ แต่นิ่งรับมือทรัมป์กลับสู่อำนาจ
Asia Time นำเสนอบทความพิเศษว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยผลการประเมิน นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะกลับมาเขย่าเศรษฐกิจโลกในสมัยที่สองนั้น อาจสร้างความเสียหายต่อสหรัฐอเมริกามากกว่าจีน โดยเฉพาะนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 60% ที่อาจย้อนกลับมาทำร้ายเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง
ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ระบุว่า มาตรการกีดกันการค้า การควบคุมการนำเข้า และการตอบโต้อย่างรุนแรงต่อความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ ที่ถดถอย จะส่งผลให้เกิดการชะงักงันทางการค้า ลดการลงทุน บิดเบือนกลไกราคาตลาด ทำลายห่วงโซ่อุปทาน และสร้างความปั่นป่วนในตลาดโลก โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าที่จะผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในระยะสั้น
นอกจากนี้ แผนการลดภาษีครั้งใหญ่ในภาวะที่เศรษฐกิจมีการจ้างงานเต็มที่ อาจเร่งให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ร้อนแรงเกินไป ขณะที่นโยบายเนรเทศผู้อพยพจำนวนมาก จะยิ่งสร้างปัญหาให้กับธุรกิจร้านอาหาร ก่อสร้าง และภาคธุรกิจอื่นๆ ที่ขาดแคลนแรงงานอยู่แล้ว ส่งผลให้ต้นทุนแรงงานพุ่งสูงและกดดันเงินเฟ้อมากขึ้น
IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโต 2.7% ในปี 2025 สูงกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ 2.2% แต่ทรัมป์ยังคงส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทั้งการทำให้มาตรการลดภาษีมูลค่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2017 เป็นการถาวร และการลดภาษีนิติบุคคลเพิ่มเติม พร้อมส่งสัญญาณว่าจะกลับมากดดันธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อีกครั้ง
ความกังวลอีกประการคือการที่ทรัมป์มองว่าประธานาธิบดีควรมีอำนาจสั่งการเฟด โดยอ้างว่าตนมีสัญชาตญาณทางธุรกิจที่ดีกว่าผู้บริหารเฟด ซึ่งอาจนำไปสู่การลดดอกเบี้ยเพื่อเอื้อต่อการก่อหนี้เพิ่มจากปัจจุบันที่ 36 ล้านล้านดอลลาร์ สร้างความเสี่ยงต่อการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น (1.1 ล้านล้านดอลลาร์) และจีน (7.7 แสนล้านดอลลาร์)
ด้านจีนที่มีดุลการค้าเกินดุลเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5% ของ GDP ในปี 2024 สะท้อนความล้มเหลวของนโยบายทรัมป์ 1.0 ในการเปลี่ยนแปลงพลวัตการค้าโลก แม้จีนจะเผชิญความท้าทายทั้งภาวะเงินฝืด ยอดค้าปลีกอ่อนแอ และราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ แต่รัฐบาลจีนยังมีเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนวิจารณ์ว่า IMF มองข้ามความเสี่ยงจากนโยบายอุตสาหกรรมและการเติบโตที่ไม่สมดุลของจีน โดย Moody's Analytics คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงเหลือ 4.3% ในปี 2025 จากผลกระทบของสงครามการค้า แม้จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ทาคาโตชิ อิโตะ อดีตรองรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น เตือนว่าหากประเทศต่างๆ ใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษี จะทำให้การส่งออกสหรัฐฯ และการค้าโลกลดลง อีกทั้งภาษีนำเข้าที่สูงจะกดดันเงินเฟ้อ บีบให้เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า กระทบทั้งการส่งออกและการนำเข้า ขณะที่นักวิเคราะห์ Bank of America มองว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟดมีแนวโน้มเป็นการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าลด ซึ่งอาจกระทบต่อเป้าหมายของทรัมป์ในการรักษาสถานะดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินสำรองของโลก
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/01/why-china-probably-isnt-panicking-over-trump/