.

ดัชนีเซี่ยงไฮ้พุ่งสูงสุดรอบ 10 ปี สะท้อนตลาดจีนไม่พึ่งพาเงินทุนตะวันตก
20-8-2025
Asia Times รายงานว่า ดัชนี Shanghai Composite Index (SCI) ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบทศวรรษเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่ 3,728 จุด ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เหตุการณ์ในประเทศ แต่ยังเป็นสัญญาณสำคัญที่ส่งผลต่อระดับโลก ตลาดมักถูกขับเคลื่อนด้วยความเชื่อมั่น และในขณะที่หลายฝ่ายคาดหวังความระมัดระวัง ตลาดในเอเชียกลับแสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำ การฟื้นตัวของดัชนี SCI ที่เพิ่มขึ้นถึง 20% นับตั้งแต่เดือนเมษายน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่โดดเด่นอย่างยิ่งและแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นสามารถกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็วเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง
ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการพุ่งขึ้นในครั้งนี้มาจากครัวเรือนชาวจีนที่มีเงินออมอยู่ในระดับใกล้เคียงสถิติสูงสุดและได้ทุ่มเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยกระตุ้นในทันทีคือการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่จะระงับการขึ้นภาษีกับกรุงปักกิ่ง ซึ่งช่วยขจัดความเสี่ยงที่เคยกดดันความเชื่อมั่นของตลาดเป็นอย่างมาก หลังจากที่นักลงทุนทั่วโลกต่างเตรียมรับมือกับสถานการณ์เผชิญหน้ามานานหลายเดือน การพักสงครามภาษีชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันจึงปลดปล่อยอุปสงค์ที่อัดอั้นไว้ให้กลับคืนมา
สิ่งที่น่าสนใจคือความเร็วของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนยังคงเผชิญกับการเทขายอย่างหนักและนักลงทุนสถาบันจากต่างชาติกำลังลดการลงทุน แต่ภายในเดือนสิงหาคม ตลาดกลับพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบทศวรรษ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจของสภาพคล่องที่ผนวกเข้ากับการลดลงของความเสี่ยงทางการเมืองเพียงเล็กน้อย
การทะยานขึ้นของตลาดในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่เกิดขึ้นพร้อมกับโมเมนตัมที่กำลังก่อตัวในเอเชีย ดัชนีตลาดหุ้นอินเดีย (Indian equities) ก็พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่าสามเดือนหลังจากการประกาศลดภาษี ขณะที่ดัชนี MSCI Asia Pacific ก็เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งเป็นสัญญาณเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่านักลงทุนในภูมิภาคพร้อมที่จะรับความเสี่ยงมากขึ้น การเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเอเชียกำลังมุ่งหน้าสู่การเติบโต ขณะที่ตลาดในยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในภาวะไม่แน่นอนจากความพยายามครั้งใหม่ของทรัมป์ในการยุติสงครามยูเครน
สถิติใหม่ของตลาดเซี่ยงไฮ้มีความสำคัญในระดับโลก เนื่องจากแรงขับเคลื่อนที่มาจากนักลงทุนรายย่อยในท้องถิ่นที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ด้วยสภาพคล่องที่ท่วมท้น พวกเขาได้เป็นเชื้อเพลิงสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด ในช่วงเวลาที่นักลงทุนสถาบันระหว่างประเทศยังคงใช้ความระมัดระวังเป็นส่วนใหญ่ ความแตกต่างนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะแสดงให้เห็นว่าแหล่งเงินทุนในภูมิภาคมีความสามารถมากขึ้นในการขับเคลื่อนตลาดด้วยเงื่อนไขของตนเอง โลกจึงไม่สามารถสมมติได้อีกต่อไปว่า Wall Street จะเป็นผู้กำหนดทิศทางของทุกสิ่ง
สำหรับนักลงทุนนอกประเทศจีน มีบทเรียนสำคัญสองประการที่โดดเด่น ประการแรกคือเงินทุนไม่ได้ยึดติดกับศูนย์กลางอำนาจเพียงแห่งเดียวอีกต่อไป สหรัฐอเมริกายังคงมีอิทธิพลอย่างมหาศาล แต่ตลาดในภูมิภาคกำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถสร้างเรื่องราวของตัวเองได้ ประการที่สองคือการเมืองมีผลกระทบที่รวดเร็วและทรงพลังอย่างยิ่ง การพักสงครามภาษีกับกรุงปักกิ่งของทรัมป์เป็นหนึ่งในการแสดงให้เห็นที่ชัดเจนที่สุดในปีนี้ว่าการมองโลกในแง่ดีสามารถกลับคืนมาได้ทันทีเมื่ออุปสรรคและความไม่แน่นอนถูกปลดเปลื้องออกไป
ผลกระทบระลอกแรกเริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว หุ้นในกลุ่มวัฏจักร (cyclical stocks) ทั่วทั้งเอเชียกำลังดึงดูดการเข้าซื้อที่แข็งแกร่งขึ้น ราคาน้ำมันทรงตัว โดยน้ำมันดิบ Brent ซื้อขายใกล้ระดับ 81 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากความกังวลเรื่องการหยุดชะงักของอุปทานลดลง ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 0.4% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Treasuries) ขยับสูงขึ้นเล็กน้อย แต่กระแสเงินทุนที่เคยไหลสู่สินทรัพย์ปลอดภัยดูจะมีความเปราะบาง หากนักลงทุนยังคงหมุนเวียนเงินทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดเซี่ยงไฮ้จึงควรถูกมองว่าเป็นดัชนีชี้วัดชั้นนำมากกว่าจะเป็นเพียงความแปลกประหลาดในประเทศ นักลงทุนท้องถิ่นกำลังแสดงให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสภาพคล่องมาบรรจบกับความเชื่อมั่น นั่นคือตลาดจะตอบสนองอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด หากความเชื่อมั่นในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเดินตามรอยเดียวกัน เราอาจจะได้เห็นการปรับขึ้นมูลค่าครั้งใหญ่ในตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
ช่วงเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญ หากการเจรจาสงครามยูเครนที่ทรัมป์เป็นคนกลางสามารถนำไปสู่การแสดงออกถึงความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย นั่นจะยิ่งเสริมสร้างการมองโลกในแง่ดีที่ปรากฏให้เห็นแล้วในเอเชีย เมื่อผนวกเข้ากับการพักสงครามภาษีกับจีน นั่นอาจเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเงินทุนทั่วโลกที่อยู่ข้างสนามให้เริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง
ในสัปดาห์นี้ การประชุม Jackson Hole ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) จะเป็นอีกหนึ่งจุดสนใจสำหรับนักลงทุน โดยทั่วไปแล้ว คาดว่าเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) จะปูทางสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ออกมาอ่อนตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้มีนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนด้านสภาพคล่องมีความสำคัญเพียงเล็กน้อยหากนักลงทุนยังคงเป็นอัมพาตจากความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ หลักฐานจากตลาดเซี่ยงไฮ้แสดงให้เห็นว่าเมื่อความกังวลเหล่านั้นคลี่คลายลง เงินทุนก็จะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
จากมุมมองของบทความนี้ มีข้อสรุปที่กว้างขึ้นสองประการ ประการแรกคือเอเชียถูกประเมินค่าต่ำเกินไป การที่ดัชนี SCI ทะยานขึ้นในระดับนี้ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภายใน ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสมมติฐานที่ว่าภูมิภาคนี้เป็นเพียงผู้ตามความรู้สึกของตลาดตะวันตกเท่านั้น ประการที่สองคือความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองและตลาดมีความรวดเร็วยิ่งกว่าที่เคย ทุกการประชุมสุดยอด, การพักรบ และการประนีประนอมต่างถูกตีราคาใหม่เกือบจะในทันที ความผันผวนนี้มาพร้อมกับความเสี่ยง แต่ก็เป็นที่ที่โอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจะเกิดขึ้น
การปิดตลาดที่จุดสูงสุดในรอบทศวรรษของเซี่ยงไฮ้จึงไม่ใช่แค่เหตุการณ์ในประเทศ แต่เป็นสัญญาณระดับโลกที่สภาพคล่อง, ความเชื่อมั่น และภูมิรัฐศาสตร์กำลังผนึกกำลังกันเพื่อปรับเปลี่ยนกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติกำลังให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด และหลายคนจะถูกบีบให้ต้องพิจารณาตำแหน่งการลงทุนของตนเองใหม่ เอเชียไม่ได้เพียงแค่สะท้อนอารมณ์ของตลาดโลกอีกต่อไป แต่กำลังเป็นผู้กำหนดทิศทางมากขึ้นเรื่อยๆ
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/08/shanghai-rally-shows-china-markets-dont-need-the-west/