.

'ไทยกับความเสี่ยง ภูมิรัฐศาสตร์โลก' ชี้ทางรอดไทยต้องมีโครงการขนาดใหญ่ รถไฟความเร็วสูง-คลองไทยเชื่อมอันดามัน-อ่าวไทย ดันไทยเป็นฮับขนส่ง สานสัมพันธ์ทุกชาติพันธมิตร
5-3-2025
สมาคมสื่อมวลชนนานาชาติประเทศไทย ( International Media Association of Thailand -IMCT) จัดเสวนาวิชาการ "ไทยกับความเสี่ยง ภูมิรัฐศาสตร์โลก" เพื่อสร้างการรับรู้และความรู้ให้กับคนไทย เตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกที่กำลังเกิดขึ้น โดยมี ทนง ขันทอง นายกสมาคมฯ Mr. Vitaly Kiselev ประธานหอการค้าไทย-รัสเซีย และ พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ ที่ปรึกษาสมาคมฯ เป็นวิทยากร
ทนง ขันทอง กล่าวว่า โลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังสหรัฐฯ เริ่มรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง เน้นนโยบาย "Make America Great Again" พร้อมปรับเปลี่ยนระเบียบโลกที่เคยวางไว้โดยชาติตะวันตก ในประเทศ ทรัมป์ร่วมมือกับอีลอน มัสก์ ในการปราบปรามการทุจริตในองค์กรรัฐ ยุติอิทธิพล Deep State และผลักดันสกุลเงินดิจิทัล ขณะที่การต่างประเทศ รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอระบุว่า ระเบียบโลกหลังสงครามเย็นไม่เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ อีกต่อไป
ด้านความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ทนง ขันทอง ย้ำว่า การเจรจาระหว่างทรัมป์กับเซเลนสกี ผู้นำยูเครน เมื่อ 28 ก.พ. 2568 ไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งอาจทำให้ยูเครนล่มสลายได้ภายใน 2 สัปดาห์ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียจะเป็นตัวกำหนดทิศทางโลก โดยเฉพาะหลังการพูดคุยระหว่างรูบิโอกับลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งฝ่ายรัสเซียย้ำว่า ตะวันตกต้องไม่ส่งกำลังทหารเข้ายูเครนและยูเครนต้องไม่เข้าร่วม NATO
ในขณะที่จีนและกลุ่ม BRICS กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ ด้วยการเปิดตัว DeepSeek ปัญญาประดิษฐ์ราคาถูก ทำให้หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ร่วงลงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ BRICS ซึ่งประกอบด้วย 10 ประเทศสมาชิกและอีก 13 ประเทศพันธมิตร กำลังสร้างระเบียบเศรษฐกิจการเงินโลกใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ ควบคู่กับโครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (BRI) ของจีน
Mr. Vitaly Kiselev ประธานหอการค้าไทย-รัสเซีย กล่าวว่า BRICS ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2553 มีความเชี่ยวชาญและจุดเด่นรอบด้าน ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 30 ของโลก มีประชากรรวมกันเกือบครึ่งโลก และมี GDP มากกว่าร้อยละ 40 แซงหน้ากลุ่ม G7 มีความร่วมมือในหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา การเกษตร วัฒนธรรม และการต่อต้านการทุจริต โดยไทยอาจได้ประโยชน์จากการค้ากับกลุ่มนี้หากปรับกฎระเบียบให้เหมาะสม
พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ เตือนว่า โลกอาจเกิดสงครามได้ตลอดเวลา หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สั่งการให้กองทัพจีน "พร้อมรบทันทีเมื่อมีคำสั่ง" พร้อมการติดตั้งขีปนาวุธหลายจุดและประชุมกับนักธุรกิจเพื่อวางแผนสงครามการค้า หากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนล้มเหลว อาจเกิดการปะทะในทะเลจีนใต้ ท่ามกลางสนธิสัญญาอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ กับ 5 ประเทศในภูมิภาค รวมถึงไทย
สำหรับสถานการณ์ในประเทศ พลเอกรังษีระบุว่า ไทยอยู่ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจรุนแรง ด้วยหนี้ครัวเรือนกว่า 16 ล้านล้านบาท และหนี้ภาครัฐสูงถึง 12 ล้านล้านบาท ทำให้ประเทศที่เคยมีโอกาสเป็น "เสือตัวที่ห้า" แห่งเอเชีย กลับเติบโตรั้งท้ายอาเซียน ท่านยังวิจารณ์สื่อไทยที่ยังพึ่งพาข้อมูลข่าวสารจากสำนักข่าวตะวันตก ทำให้คนไทยอาจตกเป็นเหยื่อข่าวชวนเชื่อ
พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ เสนอทางรอดของไทยคือ การเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับจีน รื้อฟื้นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงกับ BRI ผลักดันโครงการคลองไทยเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน ซึ่งจะช่วยย่นเวลาขนส่งได้ถึง 7 วัน และพัฒนาอุตสาหกรรมแร่ควอตซ์ซึ่งเป็นวัตถุดิบของซิลิคอนที่จีนต้องการ ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรร่วมกับรัสเซียและจีน
----
IMCT NEWS