ส.ส.สโลวาเกียชี้ การคว่ำบาตรก๊าซรัสเซียของ EU ว่า “โง่เขลา”
ขอบคุณภาพจาก AL24 News
12-12-2024
การลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียกลายเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญสูงสุดของสหภาพยุโรป หลังจากที่ชาติตะวันตกประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรมอสโกในปี 2022 การดำเนินการดังกล่าวส่งผลย้อนกลับต่อทวีปยุโรป ทำให้ยุโรปเผชิญกับวิกฤตพลังงานที่ร้ายแรง ขณะที่รัสเซียยังคงรักษาตำแหน่งผู้ส่งออกก๊าซรายใหญ่ที่สุดในโลกไว้ได้ในปี 2023 ซึ่งอังเดรจ ดังโก รองประธานสภาแห่งชาติสาธารณรัฐสโลวักกล่าวว่า หากสหภาพยุโรปต้องการผลักดันเศรษฐกิจให้ตกต่ำ เป้าหมายที่ทำลายตัวเองในการหยุดการไหลของก๊าซของรัสเซียจะนำไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าว
ดังโกเตือนว่าการยุติการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียจะเป็นปัญหาใหญ่ และเสริมว่า “ใครก็ตามที่อ้างว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงก็เป็นคนโง่”
“เราจำเป็นต้องพูดคุยเกี่ยวกับปัญหานี้ และจำเป็นต้องมีการแก้ไข” ดังโกเน้นย้ำ โดยนักการเมืองชาวสโลวาเกียรายนี้มีกำหนดเดินทางเยือนมอสโกในเดือนมกราคมเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวโน้มการจัดหาแก๊สของรัสเซียในปี 2025
ดังโกกล่าวถึงการรณรงค์ของอัวร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปในการห้ามใช้แก๊สท่อและ LNG ของรัสเซียโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดล่าสุดเกี่ยวกับการต้องการหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเพิ่มการซื้อแก๊สธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ เพื่อทดแทนการส่งแก๊สของรัสเซีย ซึ่งสมาชิกรัฐสภาสโลวาเกียยอมรับว่าเขาสับสนกับข้อเสนอของเธอ
“การนำเข้าแก๊สจากสหรัฐฯ มีราคาเท่าไร? แล้ว Nord Stream 1 และ Nord Stream 2 มีจุดประสงค์อะไร? พวกเขาต้องการบรรลุอะไร? นี่จะเป็นปัญหาสำหรับเยอรมนี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Ursula... ถ้าเธอต้องการอาศัยอยู่ในอเมริกาในภายหลัง ฉันก็เข้าใจ แต่ถ้า Ursula จะอาศัยอยู่ในสหภาพยุโรป ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจเธอ... เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเลยที่คนในระดับเดียวกับเธอจะพูดอะไรแบบนั้น” ดังโกกล่าว
สำหรับราคาแก๊สในยุโรปพุ่งสูงเกิน 500 ดอลลาร์ต่อพันลูกบาศก์เมตรในเดือนพฤศจิกายน (2024) โดยราคาแก๊สล่วงหน้าในยุโรปอยู่ที่ราว 46 ยูโร (48.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง เนื่องจากรัสเซียระงับการส่งเชื้อเพลิงให้กับ OMV ของออสเตรีย
นอกจากนี้ ยูเครนก็กำลังจะหยุดการขนส่งแก๊สของรัสเซียผ่านดินแดนของตนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศในยุโรปหลายประเทศ รวมถึงออสเตรียและสโลวาเกีย
ดังโกคาดการณ์ว่า หากสหภาพยุโรปไม่เปลี่ยนแนวทางนโยบายทำร้ายตัวเอง สหภาพยุโรปก็จะไม่ดำรงอยู่ต่อไปอีก 10 ปีข้างหน้า การคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียของสหภาพยุโรปทำให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายตามที่เขากล่าว และฟอน เดอร์ ไลเยน ก็ยิ่งทำให้เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปพังทลายลงเท่านั้น
นอกจากนี้ ดังโกยังแสดงความหวังว่าจะมีการเจรจาระหว่างมอสโกและวอชิงตันภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนนั้น "ไม่ได้ทำอะไรเพื่อประชาชนของเขาเลย เขาสร้างปัญหาเท่านั้น"
สำหรับปัญหาพลังงานของสหภาพยุโรปยังเชื่อมโยงกับข้อตกลงสีเขียวอีกด้วย ตามมุมมองของดังโกที่กล่าวว่า "มีตัวตลกบางคนคิดขึ้นมา" และพูดจาโง่เขลาเกี่ยวกับการยกเลิกพลังงานนิวเคลียร์
ดังโกอ้างว่าปัญหาใหญ่ที่สุดเกิดจากการปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ภายใต้การนำของอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีในขณะนั้น ซึ่งกฎหมายในปี 2002 กำหนดให้การยุติการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในเยอรมนีเสร็จสิ้นหลังจากภัยพิบัติที่ฟุกุชิมะในญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 ทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์สามแห่งสุดท้ายของเยอรมนี ได้แก่ เอมสแลนด์ เน็คคาร์เวสไฮม์ 2 และอิซาร์ 2 ถูกปิดตัวลงในที่สุดเมื่อวันที่ 15 เมษายนปีที่แล้ว (2023)
สำหรับการเคลื่อนไหวของเบอร์ลินในการเข้าร่วมการคว่ำบาตรพลังงานของชาติตะวันตกต่อรัสเซียและยอมสละแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้และอุดมสมบูรณ์ของมอสโก รวมถึงเหตุวินาศกรรมท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีมและ "วาระสีเขียว" ที่มุ่งหมายเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลและยุติการใช้พลังงานนิวเคลียร์ ล้วนมีส่วนทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจของเยอรมนีตกต่ำและการลดการใช้อุตสาหกรรมที่กำลังใกล้เข้ามา
เมื่อประเมินข้อผิดพลาดมากมายที่สหภาพยุโรปก่อขึ้น ดังโกคาดการณ์ว่าหากทวีปยุโรปนี้หวังที่จะบรรลุความก้าวหน้าในด้านพลังงานและเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีการหลั่งไหลเข้ามาของ "พรรคการเมืองของประชาชน" เพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้กับสหภาพยุโรป
IMCT News