จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยทรัมป์ กลับสู่เวทีโลก
จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยทรัมป์ กลับสู่เวทีโลก สวมบทบาทผู้เจรจาคีย์แมนในสันติภาพและดีลการเงินมูลค่ามหาศาล 'ท่ามกลางคำถามด้านจริยธรรม'
17-12-2025
Bloomberg รายงานว่า ลูกเขยประธานาธิบดีหวนเวทีโลก: คุชเนอร์ถือกุญแจสันติภาพ–ฟื้นฟูเศรษฐกิจยูเครน ท่ามกลางเสียงกังขาผลประโยชน์ทับซ้อน แม้จะเคยประกาศว่าจะถอยออกจากการเมืองและไม่กลับมารับตำแหน่งในรัฐบาลอีก แต่ปัจจุบันจาเร็ด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ลูกเขยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) กำลังกลับมาอยู่ในจุดกึ่งกลางของทั้งการทูตระหว่างประเทศและดีลการเงินขนาดใหญ่ระดับโลกอีกครั้ง
ในด้านการทูต รายงานระบุว่าคุชเนอร์มีบทบาทช่วยผลักดันข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวตัวประกันในฉนวนกาซา ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส รวมถึงมีส่วนร่วมในการหารือแยกกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ของรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskiy) ของยูเครน เพื่อหาหนทางเจรจายุติสงครามยูเครน
ในด้านการเงิน คุชเนอร์ยังคงรักษาบทบาทนักลงทุนเอกชนผ่านบริษัทเอกชน Affinity Partners ซึ่งก่อตั้งในปี 2021 ด้วยเงินทุนจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในตะวันออกกลางหลายแห่ง โดยปรากฏชื่อเป็นหนึ่งในผู้จัดหาเงินทุนให้กับข้อเสนอเทกโอเวอร์ Warner Bros. Discovery Inc. ผ่านโครงสร้างของ Paramount Skydance Corp. ซึ่งเป็นดีลที่มีมิติการเมืองสูงและอาจกระทบการแข่งขันกับ Netflix Inc. หากสำเร็จ
บทความชี้ว่า บทบาทดังกล่าวอาจไม่ใช่เรื่องแปลกในสมัยรัฐบาลทรัมป์ชุดแรก เมื่อคุชเนอร์ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสในทำเนียบขาว แต่ถือว่าไปไกลจากภาพที่เขาเคยกล่าวกับผู้ฟังในงานที่ไมอามีเมื่อปี 2024 ว่า แม้จะได้รับข้อเสนอให้กลับเข้าร่วมรัฐบาลก็ต้องการอยู่ห่างจากงานภาครัฐในวาระต่อไป ทว่าขณะนี้เขากลับกลายเป็นบุคคลสำคัญในหลายประเด็นใหญ่ที่เผชิญหน้าทำเนียบขาว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คุชเนอร์จัดการพบหารือที่รวมเอาประธานธนาคารโลก อาเจย์ บังกา (Ajay Banga) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BlackRock Inc. ลาร์รี ฟิงก์ (Larry Fink) และเจ้าหน้าที่จากเคียฟ เพื่อหารือแนวทางจัดตั้งกรอบสนับสนุนทางเศรษฐกิจสำหรับยูเครนในช่วงหลังสงคราม การประชุมที่ก่อนหน้านี้ยังไม่เป็นที่เปิดเผยนี้สอดคล้องกับการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งคณะทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อวางแนวทางฟื้นฟูยูเครน
หากแผนยุติสงครามรัสเซีย–ยูเครนเดินหน้าได้จริง จะถือเป็นข้อตกลงสันติภาพสำคัญฉบับที่สองในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่คุชเนอร์มีบทบาทร่วมกับทูตพิเศษประจำประธานาธิบดี สตีฟ วิทคอฟฟ์ (Steve Witkoff) ต่อจากบทบาทในข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส
หลังการบรรลุข้อตกลงในตะวันออกกลาง คุชเนอร์วัย 44 ปีให้สัมภาษณ์กับ New York Times ว่า “เรื่องนี้ไปไกลกว่าที่ผมคาดไว้มาก” และกล่าวในเชิงติดตลกว่า เมื่อกลับถึงบ้านอาจพบว่าภรรยาเปลี่ยนกลอนประตูแล้ว โดยหมายถึงอิวานกา ทรัมป์ (Ivanka Trump) บุตรสาวประธานาธิบดี ซึ่งเคยมีบทบาทในทำเนียบขาวช่วงวาระแรกแต่ตัดสินใจไม่เข้าร่วมรัฐบาลในวาระปัจจุบัน
ในด้านธุรกิจ บันทึกเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ เกี่ยวกับศึกเทกโอเวอร์ Warner Bros. Discovery ระบุว่า Affinity Partners มีบทบาทช่วยจัดหาเงินทุนให้กับข้อเสนอของ Paramount Skydance Corp. ซึ่งเป็นข้อเสนอแบบเป็นปรปักษ์ (hostile bid) ที่อาจพลิกดีลเดิมซึ่งคณะกรรมการ Warner Bros. เคยสนับสนุนให้ขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ให้ Netflix
ประธานาธิบดีทรัมป์เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขามองว่าตัวเองอาจเข้าไปมีบทบาทโดยตรงในการพิจารณาดีล Warner Bros. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร ทั้งในมิติการแข่งขันทางการตลาดและในมิติของเนื้อหาและการบริหารช่องข่าวอย่าง CNN ที่อยู่ภายใต้กลุ่มทรัพย์สินของ Warner Bros. โฆษกของคุชเนอร์และ Affinity Partners ปฏิเสธให้ความเห็นต่อคำถามของสื่อเกี่ยวกับดีลนี้
การกลับมามีบทบาทของคุชเนอร์บนเวทีการเมืองและธุรกิจระดับโลกครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามคุ้นเคยจากสมัยดำรงตำแหน่งในทำเนียบขาวครั้งแรก ทั้งในเรื่องประสบการณ์และความเหมาะสมด้านจริยธรรม เนื่องจากเขามีผลประโยชน์ทางการเงินที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศผ่านกองทุนเอกชนของตนเอง
จอร์แดน ลิโบวิทซ์ (Jordan Libowitz) รองประธานองค์กร Citizens for Responsibility and Ethics in Washington ซึ่งเป็นกลุ่มตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐในสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตว่า คุชเนอร์เข้าทำธุรกิจกับกองทุนของรัฐบาลต่างประเทศ ในขณะที่รัฐบาลเหล่านั้นก็มีผล ประโยชน์ที่ต้องการจากรัฐบาลวอชิงตันด้วย “เราจึงเห็นลูกเขยประธานาธิบดีมีความเชื่อมโยงทางการเงินกับรัฐบาลต่างชาติ และสิ่งที่เป็นผลดีต่อเขาอาจไม่ตรงกับผลประโยชน์ของประชาชนอเมริกัน” เขากล่าว
ล่าสุด Affinity Partners เพิ่งประกาศยุติโครงการโรงแรมหรูแบรนด์ Trump ในกรุงเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย หลังโครงการเผชิญกระแสต่อต้านทางการเมืองและการสืบสวน ซึ่งนำไปสู่การฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐรายหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทในการผลักดันโครงการให้เดินหน้า
ในวาระแรกของรัฐบาลทรัมป์ คุชเนอร์เคยรับผิดชอบนโยบายหลากหลายด้าน ตั้งแต่การปฏิรูปคนเข้าเมือง โครงการโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ไปจนถึงการปรับปรุงระบบราชการ แต่หลายโครงการถูกวิจารณ์ว่าถูกเสนอด้วยความคาดหวังสูงแต่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดผลรูปธรรมในสภาคองเกรสหรือระบบราชการได้เต็มที่
ความสัมพันธ์ส่วนตัวของคุชเนอร์กับมกุฎราชกุมารมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman) ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งสร้างขึ้นผ่านการพบปะและการสื่อสารโดยตรง ถูกวิพากษ์ในวงกว้างหลังการสังหารจามาล คาช็อกกี (Jamal Khashoggi) นักข่าวฝ่ายวิจารณ์รัฐบาลซาอุฯ ที่สถานกงสุลในตุรกี ความพยายามเชื่อมโยงกับคนดัง เช่น การเชิญคานเย เวสต์ (Kanye West) เข้าทำเนียบขาว ก็ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศวุ่นวายในวาระแรกของรัฐบาลทรัมป์
ในวาระปัจจุบัน คุชเนอร์ดูเหมือนจะลดขอบเขตงานลง และเลือกโฟกัสในพื้นที่ที่ตนเองมีความถนัดหรือมีเครือข่ายหนุนหลัง โดยเฉพาะในตะวันออกกลางและบนโต๊ะเจรจาเรื่องยูเครน เขามักเน้นย้ำต่อฝ่ายเจรจาชาติอาหรับถึงเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นทั้งจากธุรกิจของตนเอง และจากบทบาทสำคัญในการผลักดันข้อตกลง Abraham Accords ที่ช่วยให้หลายประเทศอาหรับปกติสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลในวาระแรกของทรัมป์
ในกรณีอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) มีความใกล้ชิดกับครอบครัวคุชเนอร์มายาวนาน และเคยเข้าพักที่บ้านของครอบครัวคุชเนอร์ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งช่วยให้การประสานงานบนโต๊ะเจรจาเป็นไปได้ง่ายขึ้น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาให้เครดิตคุชเนอร์ว่า สามารถ “แยกสัญญาณจากเสียงรบกวน” ท่ามกลางบรรยากาศข่มขู่และโต้ตอบรุนแรงจากทั้งสองฝ่าย เพื่อคงเส้นทางการเจรจาปล่อยตัวประกันและวางกรอบสำหรับฉนวนกาซาหลังสงคราม
ประธานาธิบดีทรัมป์เองเคยกล่าวเชิงยกย่องว่า “เราเรียกจาเร็ดมาทุกครั้งเมื่อถึงเวลาต้องปิดดีล” ระหว่างการเยือนรัฐสภาอิสราเอลเพื่อเฉลิมฉลองข้อตกลงดังกล่าว
ในไฟล์ยูเครน คุชเนอร์นำเครือข่ายภาคการเงินจากนิวยอร์กมาใช้ โดยเชิญลาร์รี ฟิงก์จาก BlackRock เข้าหารือกับประธานาธิบดีเซเลนสกีเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจยูเครน ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่เคียฟใช้ประกอบการพิจารณาข้อเสนอจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี กรอบข้อตกลงที่ร่างร่วมกันระหว่างคุชเนอร์ วิทคอฟฟ์ และฝ่ายรัสเซียถูกวิจารณ์อย่างหนักในยุโรป เนื่องจากมีเงื่อนไขที่ถูกมองว่าบีบให้ยูเครนต้องยอมรับการประนีประนอมด้านดินแดนและอธิปไตย ซึ่งยากต่อการยอมรับในทางการเมืองภายในของยูเครนเอง
จูเลียนน์ สมิธ (Julianne Smith) อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำ NATO ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า แม้คุชเนอร์และวิทคอฟฟ์จะมีความสามารถในมุมธุรกิจและการเจรจา แต่เธอไม่มั่นใจว่าทั้งสองมีประสบการณ์ลึกพอจะเข้าใจวิธีการที่ประธานาธิบดีปูตินวางหมากและดำเนินการบนโต๊ะเจรจา ซึ่งมักมาพร้อมการสร้างแรงกดดันและการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของคู่เจรจา
ในอีกด้านหนึ่ง ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อการเจรจาที่ลากยาวและมีแนวโน้มสะดุดซ้ำ โดยระบุว่า “เราไม่อยากเสียเวลามาก เรามองว่ามันเป็นลบ เราต้องการให้เรื่องนี้จบลง” ขณะที่โฆษกทำเนียบขาว แอนนา เคลลี (Anna Kelly) ย้ำว่าคุชเนอร์ทำหน้าที่เป็น “ที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการและไม่ได้รับค่าตอบแทน” ซึ่งประธานาธิบดีและวิทคอฟฟ์เชื่อมั่นจากประสบการณ์การเจรจาดีลซับซ้อนในอดีต
ในคดี Warner Bros. ประธานาธิบดีทรัมป์หลีกเลี่ยงตอบโดยตรงเกี่ยวกับบทบาทของคุชเนอร์ แต่ส่งสัญญาณผ่านสื่อว่า จะพิจารณาคำถามเรื่องส่วนแบ่งตลาดหากมีการควบรวมกิจการกับ Netflix และแสดงความต้องการเห็นเจ้าของใหม่ที่อาจมีอิทธิพลต่อทิศทางการบริหารช่องข่าวอย่าง CNN ซึ่งอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ Warner Bros. การที่ข้อเสนอเทกโอเวอร์ของ Skydance/Paramount ได้รับการสนับสนุนจากทุนตะวันออกกลางและกองทุนของ Affinity จึงสร้างความกังวลในหมู่นักการเมืองพรรคเดโมแครต ทั้งในเรื่องบทบาทกองทุนต่างชาติในการถือครองสื่อสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ที่คุชเนอร์จะได้รับผลประโยชน์ทางการเงินโดยตรง
มีรายงานว่า Affinity วางเงินทุนส่วนของผู้ถือหุ้น (equity) สำหรับดีลนี้ราว 200 ล้านดอลลาร์ ขณะที่คุชเนอร์ช่วยประสานเม็ดเงินจากกองทุนในตะวันออกกลางอีกหลายพันล้านดอลลาร์ นี่ไม่ใช่ดีลสื่อใหญ่ดีลแรกในวาระที่สองของทรัมป์ เนื่องจาก Affinity และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (Public Investment Fund) เพิ่งร่วมกับ Silver Lake Partners เข้าซื้อกิจการบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ Electronic Arts Inc. ไปก่อนหน้านี้
แม้ทรัมป์ปฏิเสธว่าไม่เคยหารือโดยตรงกับคุชเนอร์ในรายละเอียดดีล Warner Bros. แต่ก็ไม่ลืมชื่นชมผลงานด้านการทูตของลูกเขยต่อสื่อสาธารณะ
คุชเนอร์เองปฏิเสธมุมมองที่ว่าผลประโยชน์ทับซ้อนเป็นปัญหาใหญ่ โดยให้สัมภาษณ์รายการ 60 Minutes ของ CBS News ว่า “สิ่งที่บางคนเรียกว่าความขัดแย้งทางผลประโยชน์ สำหรับผมกับสตีฟ เรามองว่าเป็นประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่ไว้ใจกันได้ ซึ่งเราสร้างมาจากทั่วโลก” ขณะที่โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ เลวิตต์ (Karoline Leavitt) เรียกข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนว่า “น่ารังเกียจ”
เมื่อมองย้อนกลับไปยังเวทีเสวนาที่ไมอามีเมื่อปี 2024 ซึ่งคุชเนอร์ประกาศว่าจะอยู่ห่างจากงานภาครัฐในวาระใหม่ บทบาทในปัจจุบันอาจดูสวนทางกับคำพูดวันนั้น แต่เจ้าตัวก็เคยทิ้งท้ายไว้ว่าชีวิตของเขาเอง “ไม่เคยเดินไปตามแผนที่วางไว้” อยู่แล้ว
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-12-16/jared-kushner-s-back-israel-hamas-deal-ukraine-talks-wb-paramount-m-a?srnd=homepage-americas