ไมโครซอฟท์ ประกาศลดพนักงานทั่วโลก6,000 คน

Thailand
ไมโครซอฟท์ ประกาศลดพนักงานทั่วโลก6,000 คน
14-5-2025
ไมโครซอฟท์ ประกาศเมื่อวันอังคารว่า บริษัทจะปรับลดพนักงานลง 3% ในทุกระดับ ทีม และภูมิภาค ซึ่งกระทบกับพนักงานประมาณ 6,000 คน “เรายังคงดำเนินการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างองค์กรตามความจำเป็น เพื่อวางตำแหน่งบริษัทให้ประสบความสำเร็จในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” โฆษกของไมโครซอฟท์กล่าวในแถลงการณ์ต่อ CNBC
บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดดีกว่าที่คาดไว้ โดยมีกำไรสุทธิ 25.8 พันล้านดอลลาร์ และให้แนวโน้มที่เป็นบวกเมื่อปลายเดือนเมษายน ไมโครซอฟท์มีพนักงานทั้งหมด 228,000 คนทั่วโลก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐวอชิงตันเปิดเผยว่า บริษัทจะลดพนักงานที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานใหญ่ในเรดมอนด์ลง 1,985 คน ซึ่งรวมถึงพนักงาน 1,510 คนในออฟฟิศ
โดยรวมแล้ว การปลดพนักงานครั้งนี้น่าจะเป็นรอบที่ใหญ่ที่สุดของไมโครซอฟท์นับตั้งแต่การเลิกจ้างพนักงาน 10,000 ตำแหน่งในปี 2023 ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม บริษัทเคยประกาศเลิกจ้างพนักงานบางส่วนตามผลการปฏิบัติงาน แต่การเลิกจ้างรอบใหม่นี้ “ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลงาน” โฆษกกล่าว
โฆษกของไมโครซอฟท์กล่าวว่า หนึ่งในเป้าหมายของการปรับลดพนักงานครั้งนี้คือการ ลดชั้นของฝ่ายบริหาร ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ Amazon ประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่า บริษัทกำลังเลิกจ้างพนักงานบางส่วนหลังพบว่าองค์กรมี “ชั้นการจัดการที่ไม่จำเป็น”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทซอฟต์แวร์ความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่าง CrowdStrike ก็ประกาศปลดพนักงาน 5% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดเช่นกัน
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา Satya Nadella ซีอีโอของไมโครซอฟท์ กล่าวกับนักวิเคราะห์ว่า บริษัทจะปรับกระบวนการขายใหม่ หลังจากรายได้จากบริการ Azure cloud เติบโตช้ากว่าที่คาดไว้ — โดยเฉพาะในส่วนที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขณะที่รายได้จาก AI Cloud กลับเติบโตเกินกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ภายใน
“คุณจะปรับแรงจูงใจและกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างไรให้เหมาะสม?” นาเดลลากล่าว “ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านของแพลตฟอร์ม เราต้องมั่นใจว่าเรากำลังให้ความสำคัญกับโอกาสจากการออกแบบใหม่ และไม่ยึดติดกับสิ่งที่เคยใช้ได้ผลในยุคก่อนหน้านี้”
เมื่อวันจันทร์ ราคาหุ้นของไมโครซอฟท์ปิดที่ 449.26 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ โดยหุ้นเคยปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 467.56 ดอลลาร์ ในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
ที่มา CNBC
© Copyright 2020, All Rights Reserved