สหรัฐฯ ส่อเค้าผิดสัญญา AUKUS ออสเตรเลียเสี่ยงสูญเงิน 1 แสนล้าน ไร้เรือดำน้ำนิวเคลียร์
9-12-2024
แผนการจัดหาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของออสเตรเลียภายใต้ข้อตกลงความมั่นคง AUKUS กำลังประสบปัญหาหนักในหลายด้าน ทั้งความอ่อนแอของฐานการผลิตในสหรัฐอเมริกา ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากโอกาสที่นายโดนัลด์ ทรัมป์จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง รวมถึงความลังเลในการแบ่งปันเทคโนโลยีนิวเคลียร์
Asia Time เปิดรายงานล่าสุดจากสำนักงานวิจัยรัฐสภาสหรัฐฯ (CRS) เปิดเผยว่า แทนที่ออสเตรเลียจะได้ครอบครองเรือดำน้ำโจมตีนิวเคลียร์ (SSN) ภายใต้กรอบ AUKUS Pillar 1 อาจต้องเปลี่ยนเป็นการให้เรือดำน้ำของสหรัฐฯ เข้ามาปฏิบัติภารกิจในน่านน้ำออสเตรเลียแทน คล้ายกับข้อตกลงที่สหรัฐฯ มีกับพันธมิตรนาโตในการใช้ยุทโธปกรณ์สำคัญร่วมกัน เช่น เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือรบขนาดใหญ่ และอาวุธนิวเคลียร์
ทางเลือกที่ CRS เสนอ รวมถึงการส่งเรือดำน้ำสหรัฐฯ และอังกฤษมาประจำการที่ออสเตรเลียเป็นระยะ การใช้เรือดำน้ำสหรัฐฯ 3-5 ลำปฏิบัติการนอกน่านน้ำออสเตรเลีย หรือการนำงบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับเรือดำน้ำไปลงทุนในยุทโธปกรณ์อื่น เช่น เครื่องบินทิ้งระเบิด B-21 และเครื่องบินโจมตีพิสัยไกล
รายงานยังเตือนว่า หากโครงการจัดหาเรือดำน้ำภายใต้ AUKUS เข้าสู่วงจรต้นทุนที่พุ่งสูงจนถึงจุดวิกฤต อาจส่งผลให้ออสเตรเลียต้องตัดงบประมาณทางทหารด้านอื่นๆ ซึ่งจะกระทบต่อขีดความสามารถในการยับยั้งจีน
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งมาจากความอ่อนแอของฐานการผลิตเรือดำน้ำสหรัฐฯ โดยรายงานของสำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) ปี 2023 ระบุว่า การผลิตเรือดำน้ำของสหรัฐฯ กำลังเผชิญปัญหาต้นทุนบานปลาย การก่อสร้างล่าช้า และพลาดกำหนดส่งมอบ ขณะที่ภาระงานในทศวรรษหน้าจะเพิ่มขึ้น 50% เนื่องจากกองทัพเรือสหรัฐฯ ต้องผลิตเรือดำน้ำพร้อมกันถึง 5 ประเภท
ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยเดวิด แอนดรูว์ส นักวิเคราะห์ชี้ว่า การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์สู่ทำเนียบขาวอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของข้อตกลง AUKUS เนื่องจากทรัมป์อาจเรียกร้องให้ออสเตรเลียเพิ่มเงินสนับสนุน เช่นเดียวกับที่เคยทำกับเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และนาโต้ ทั้งนี้ ข้อตกลง AUKUS มีช่องทางให้ฝ่ายใดก็ตามถอนตัวได้โดยแจ้งล่วงหน้า 12 เดือน
ด้านเดวิด โชบริดจ์ โฆษกฝ่ายกลาโหมของพรรคกรีนออสเตรเลีย เปิดเผยว่า AUKUS มีเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ให้สหรัฐฯ และอังกฤษมากเกินไป โดยทั้งสองประเทศสามารถถอนตัวได้โดยไม่ต้องชดเชยให้ออสเตรเลีย และผลักภาระความรับผิดชอบหากเกิดปัญหากับเทคโนโลยีเรือดำน้ำมาที่ออสเตรเลีย
ที่น่าเป็นห่วงคือ พลเรือโท โจนาธาน มีด หัวหน้าโครงการเรือดำน้ำ AUKUS ปฏิเสธที่จะยืนยันว่าออสเตรเลียจะได้รับเงินคืนหรือไม่ หากสหรัฐฯ ไม่สามารถส่งมอบเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ตามข้อตกลง โดยในการพิจารณาของวุฒิสภาออสเตรเลีย วุฒิสมาชิกชูบริดจ์ได้ตั้งคำถามถึงเงินจำนวน 4.7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่จ่ายให้สหรัฐฯ แต่มีดเพียงแต่ย้ำถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่จะส่งมอบเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนีย 2 ลำในช่วงต้นทศวรรษ 2030
นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังปฏิเสธที่จะเข้าร่วมข้อตกลงพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์พลเรือนที่นำโดยสหรัฐฯ และอังกฤษ โดยริชาร์ด มาร์ลส์ นายกรัฐมนตรีรักษาการระบุว่า พลังงานนิวเคลียร์เป็นทางเลือกด้านไฟฟ้าที่แพงที่สุดสำหรับออสเตรเลีย เนื่องจากประเทศยังไม่มีอุตสาหกรรมนิวเคลียร์พลเรือน
แซม รอกเกวีน นักวิเคราะห์จากสถาบันโลวีย์ ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการเรือดำน้ำ AUKUS ขาดเหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน โดยทั้งรัฐบาลมอร์ริสันและอัลบานีซไม่สามารถอธิบายได้ว่าเรือดำน้ำเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร นอกจากการอ้างถึง "การยับยั้ง" อย่างคลุมเครือ พร้อมชี้ว่าออสเตรเลียควรใช้ประโยชน์จากระยะห่างทางภูมิศาสตร์จากจีน แทนที่จะพยายามแสดงแสนยานุภาพทางทหารในทะเลใกล้จีน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2024/12/australias-nuclear-sub-plan-sinking-on-multiple-fronts/