ทองโลกพุ่งแรงสุดในรอบเกือบ 50 ปี
ทองโลกพุ่งแรงสุดในรอบเกือบ 50 ปี 'นักวิเคราะห์คาดปี 2026 ทะลุ $5,000' ด้วยแรงหนุนกลุ่มทุนใหม่-วิกฤตภูมิรัฐศาสตร์
18-12-2025
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาทองคำในปี 2025 สร้างปรากฏการณ์พุ่งทะยานรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตน้ำมันปี 1979 โดยราคาพุ่งขึ้นถึงสองเท่าภายในเวลาเพียง 2 ปี อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกอย่าง JP Morgan, Bank of America และ Metals Focus กลับมองว่านี่ไม่ใช่จุดสูงสุด แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวงจรใหม่ โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ภายในปี 2026
แรงขับเคลื่อนจากนโยบายสหรัฐฯ และภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำสปอตทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,381 ดอลลาร์ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นักวิเคราะห์จาก BofA ชี้ว่าปัจจัยหลักมาจากความกังวลต่อการขาดดุลการคลังของสหรัฐฯ นโยบายดอลลาร์อ่อนค่า และข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นอกจากนี้ สงครามในยูเครนและความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับสมาชิกนาโตในยุโรป ยังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเข้าหาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ธนาคารกลาง: กระดูกสันหลังของวงจรขาขึ้น
การที่ธนาคารกลางทั่วโลกพยายามกระจายสินทรัพย์สำรองออกจากดอลลาร์ (De-dollarization) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 กลายเป็น "ฐาน" ที่แข็งแกร่งให้กับราคาทองคำ JP Morgan คาดการณ์ว่าในปี 2026 จะมีแรงซื้อจากธนาคารกลางเฉลี่ยถึง 585 ตันต่อไตรมาส ซึ่งสูงกว่าระดับ 350 ตันที่จำเป็นสำหรับการรักษาเสถียรภาพราคา ทำให้เชื่อได้ว่าราคาทองคำจะทรงตัวเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง ก่อนจะเข้าสู่ช่วงปลายปี 2026 ที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์
เมื่อทองคำพุ่งเคียงคู่ตลาดหุ้น: สัญญาณฟองสบู่หรือการป้องกันความเสี่ยง?
ธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (BIS) ตั้งข้อสังเกตถึงปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยากในรอบ 50 ปี คือการที่ราคาทองคำและราคาหุ้นพุ่งทะยานไปพร้อมกัน นักวิเคราะห์มองว่าแรงซื้อทองคำส่วนหนึ่งคือการ "Hedge" หรือป้องกันความเสี่ยงหากตลาดหุ้นเกิดการปรับฐาน (Correction) อย่างรุนแรง ทำให้ทองคำกำลังเปลี่ยนสถานะจาก "สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงตามวงจร" ไปสู่ "สินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุนระยะยาว" (Secular critical portfolio asset)
กลุ่มทุนใหม่: เมื่อคริปโตและองค์กรหันมาเก็บทอง
หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2025 คือการปรากฏตัวของนักลงทุนสถาบันกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะ Tether ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตสเตเบิลคอยน์ ที่เข้าซื้อทองคำถึง 26 ตันในไตรมาสที่ 3 ซึ่งสูงกว่าการเข้าซื้อของธนาคารกลางจีนถึง 5 เท่า ขณะที่ในฝั่งเอเชีย อินเดียเริ่มอนุญาตให้กองทุนบำเหน็จบำนาญลงทุนในทองคำและเงินผ่านกองทุน ETF และจีนเองก็เริ่มเปิดทางให้บริษัทประกันเข้าลงทุนในทองคำเช่นกัน
บทสรุป: แม้ว่า Macquarie จะคาดการณ์ว่าความร้อนแรงของราคาทองคำอาจลดลงบ้างในปี 2026 หากเศรษฐกิจโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ในภาพรวม สถาบันการเงินส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกอย่างมาก โดยมองว่าระดับราคาเฉลี่ยในปีหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 4,225 - 4,600 ดอลลาร์ และมีโอกาสปิดปี 2026 ที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์ หากปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการคลังของสหรัฐฯ ยังไม่คลี่คลาย
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.reuters.com/business/finance/gold-forecast-glitter-again-next-year-despite-biggest-gain-since-1979-2025-12-17/