.
สหรัฐฯ เสนอหลักประกันความมั่นคง “คล้าย NATO” ให้ยูเครน แต่ปมดินแดนยังเป็นตัวแปรชี้ชะตาดีลสันติภาพ ยุโรปชี้ความคืบหน้าขึ้นอยู่กับรัสเซีย
17-12-2025
Bloomberg รายงานว่า ข้อเสนอ สหรัฐฯ–ยุโรปค้ำประกันความมั่นคงยูเครน หนุนกองทัพ 8 แสน แต่เคียฟ–มอสโกยังห่างไกลตกลงเรื่องเส้นหยุดยิง สหรัฐฯ เสนอกรอบหลักประกันความมั่นคงที่เข้มข้นขึ้นให้แก่ยูเครน ภายใต้ความพยายามรอบใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่จะผลักดันข้อตกลงยุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน แต่จุดตายสำคัญของการเจรจายังอยู่ที่ข้อเรียกร้องด้านดินแดน ซึ่งมุมมองของเคียฟและมอสโกแตกต่างกันอย่างมาก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งระบุว่า รัฐบาลทรัมป์ได้เสนอหลักประกันความมั่นคง “ลักษณะคล้ายมาตรา 5” ขององค์การนาโต (NATO) ซึ่งเป็นข้อบทว่าด้วยการป้องกันร่วมกัน ให้แก่ยูเครนในกรอบข้อเสนอปัจจุบันเพื่อหาทางออกทางการทูตต่อความขัดแย้ง แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเชิงเทคนิคของกลไกดังกล่าว
ในเวลาต่อมาเมื่อวันจันทร์ ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวว่า แนวโน้มการยุติสงครามผ่านการเจรจา “ใกล้กว่าที่เคย” และย้ำว่าสหรัฐฯ กำลังทำงานร่วมกับยุโรปในการจัดทำชุดหลักประกันความมั่นคง ทว่าพร้อมกันนั้นเขายังกล่าวในเชิงว่า ยูเครนอาจจำเป็นต้องยอมรับการสูญเสียพื้นที่บางส่วนเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง โดยระบุว่า “พูดกันตามตรง พวกเขาก็สูญเสียดินแดนไปแล้ว” และยอมรับว่าเป็นเรื่องซับซ้อน แม้ภาพรวมการเจรจาจะ “คืบหน้าในทิศทางที่ดี”
คำกล่าวของทรัมป์มีขึ้นหลังการประชุมกับผู้นำยุโรปในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งจัดโดยนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ฟรีดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) โดยมีเลขาธิการ NATO มาร์ก รุตเทอ (Mark Rutte) และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอน (Ursula von der Leyen) เข้าร่วม เมิร์ซกล่าวภายหลังว่าข้อเสนอหลักประกันความมั่นคงจากสหรัฐฯ ถือเป็นสิ่งที่ “โดดเด่นเป็นพิเศษ” และประเมินว่าความเป็นไปได้ในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพภายในช่วงคริสต์มาส “ขึ้นอยู่กับจุดยืนของรัสเซียแต่เพียงฝ่ายเดียว”
เขาระบุว่า ทุกฝ่ายเห็นชอบหลักการว่าการหยุดยิงควรถูกค้ำประกันด้วยกลไกด้านกฎหมายและทรัพยากรที่มีน้ำหนักจากทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งถือเป็นกรอบข้อตกลงที่ “ก้าวหน้าและมีนัยสำคัญ” กว่าที่มีมาก่อนหน้านี้
บรรยากาศการประเมินของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เข้าร่วมการเจรจาในกรุงเบอร์ลินโดยรวมออกมาในเชิงบวก เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนเดิมระบุว่า การหารือในระดับคณะทำงานอาจดำเนินต่อในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ในสหรัฐฯ โดยเมืองไมอามี ซึ่งเคยเป็นสถานที่หารือมาก่อน มีแนวโน้มเป็นหนึ่งในตัวเลือกสถานที่จัดการประชุม
ด้านนายรุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอาวุโสใกล้ชิดประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี (Volodymyr Zelenskiy) ระบุว่ามี “ความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม” หลังจากเซเลนสกีและทีมเจรจายูเครนใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงในวันหารือที่สองกับคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยทูตพิเศษ สตีฟ วิทคอฟฟ์ (Steve Witkoff) และจาเร็ด คุชเนอร์ (Jared Kushner) ลูกเขยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
คืนวันจันทร์ ผู้นำยุโรปได้ออกแถลงการณ์ร่วมซึ่งสรุปกรอบข้อตกลง โดยเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรประบุว่าประเทศสมาชิก “ให้คำมั่น” จัดหลักประกันความมั่นคงในหลายมิติ อาทิ การจัดตั้งกองกำลังพหุชาติจากกลุ่มพันธมิตรยุโรป ภายใต้การสนับสนุนจากสหรัฐฯ เพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยของยูเครน กลไกตรวจตราและยืนยันการหยุดยิงที่นำโดยสหรัฐฯ และการให้ยูเครนคงกองทัพในยามสันติภาพไว้ในระดับประมาณ 800,000 นาย ซึ่งสูงกว่าระดับเพดานกำลังพลที่รัสเซียเคยเรียกร้องให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เอกสารดังกล่าว ซึ่งมีประเทศอย่างเยอรมนี สหราชอาณาจักร โปแลนด์ และฝรั่งเศสเป็นผู้ลงนาม ยังระบุถึง “ข้อผูกพันทางกฎหมาย” ในการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูสันติภาพในกรณีที่ยูเครนถูกโจมตีซ้ำในอนาคต รวมถึงกรอบการลงทุนเพื่อการฟื้นฟูความเสียหายจากสงคราม และการสนับสนุนเส้นทางการเข้าเป็นสมาชิกลำดับต่อไปของสหภาพยุโรปของยูเครน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนเดิมกล่าวด้วยว่า ทรัมป์ไม่ได้มีเจตนากดดันยูเครนในเชิงบังคับ แต่ยอมรับว่าทีมสหรัฐฯ ได้เสนอ “แนวคิดชวนคิด” เกี่ยวกับทางเลือกด้านดินแดนให้เซเลนสกีพิจารณา ทั้งนี้ รัสเซียไม่ได้เข้าร่วมในช่วงการหารือเฟสล่าสุด ซึ่งตามมาหลังจากกรอบข้อเสนอชุดก่อนหน้าที่ร่างร่วมกันโดยวอชิงตันและมอสโกถูกทั้งยูเครนและพันธมิตรยุโรปวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเอนเอียงเข้าทางรัสเซียมากเกินไป
แม้จะชื่นชมการคืบหน้าในด้านหลักประกันความมั่นคง แต่เซเลนสกีย้ำว่าจุดยืนของเคียฟกับมอสโกในเรื่องดินแดนยังอยู่ห่างกันมาก และเรียกร้องให้สหรัฐฯ เดินหน้าทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยในประเด็น “เจ็บปวด” นี้ต่อไป เขาระบุด้วยว่า ส่วนประกอบหลายส่วนที่ถูกมองว่า “สร้างผลเสีย” ในร่างแผนฉบับแรกของวิทคอฟฟ์ได้รับการตัดหรือปรับออกไปแล้ว โดยกล่าวสั้น ๆ ว่า “เรากำลังพยายามทำให้จุดยืนของเราชัดเจน”
แหล่งข่าวซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า คณะผู้แทนสหรัฐฯ และยูเครนได้หารือประเด็นดินแดนโดยตรง โดยสหรัฐฯ มีท่าทีสนับสนุนข้อเรียกร้องของรัสเซียให้ยูเครนถอนกำลังออกจากบางพื้นที่ในแคว้นโดเนตสก์ (Donetsk) ทางตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองกำลังรัสเซียยังไม่สามารถยึดครองได้สำเร็จตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา อย่างไรก็ดี เซเลนสกีปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า และร่วมกับพันธมิตรยุโรปยืนยันจุดยืนว่าการหยุดยิงควรอิงตามแนวเส้นการสู้รบ (line of contact) ปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ เซเลนสกีส่งสัญญาณว่า เคียฟอาจพร้อมถอยจากเป้าหมายระยะยาวในการเข้าเป็นสมาชิก NATO หากสามารถบรรลุข้อตกลงความมั่นคงแบบทวิภาคีกับสหรัฐฯ และประเทศอื่นที่ให้หลักประกันความปลอดภัยที่เพียงพอได้
นายอูเมรอฟกล่าวชื่นชมวิทคอฟฟ์และคุชเนอร์ว่า “ทำงานอย่างสร้างสรรค์อย่างยิ่ง” เพื่อเดินหน้ากระบวนการสันติภาพ และระบุว่ายูเครน “สำนึกในบุญคุณอย่างมาก” ต่อบทบาทของประธานาธิบดีทรัมป์ในการผลักดันกรอบข้อตกลงนี้
ในอีกด้านหนึ่ง ยูรี อูชาโคฟ (Yuri Ushakov) ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีปูติน ระบุชัดว่ารัสเซียมีแนวโน้มไม่ยอมรับชุดการเปลี่ยนแปลงที่ยุโรปและยูเครนพยายามใส่เข้าไปในข้อเสนอที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งถูกมองว่ามีเนื้อหาที่เอื้อประโยชน์ต่อมอสโกอยู่แล้ว โดยเตือนว่า หากมีการแก้ไขในประเด็นสำคัญ “รัสเซียจะมีข้อคัดค้านอย่างรุนแรง” และจะมีบทบัญญัติบางส่วน โดยเฉพาะเรื่องดินแดน ที่ “ไม่อาจยอมรับได้” สำหรับเครมลิน
รัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปยังเตรียมประชุมหารือเพิ่มเติมเรื่องยูเครนในกรุงบรัสเซลส์ ขณะที่หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของสหราชอาณาจักร (MI6) คนใหม่ เบลซ เมตรีเวลี (Blaise Metreweli) ออกแถลงเตือนว่ารัสเซียยังคงเป็น “ภัยคุกคามเชิงรุกที่ต้องการขยายอิทธิพลและปรับแก้ระเบียบโลก” โดยกล่าวหาว่าประธานาธิบดีปูตินจงใจถ่วงเวลาในการเจรจาสันติภาพ และโยนต้นทุนของสงครามกลับไปยังประชากรของตนเอง
ภาพรวมของชุดการเจรจาในเบอร์ลินจึงสะท้อนว่า แม้กรอบหลักประกันความมั่นคงที่สหรัฐฯ และยุโรปเสนอให้ยูเครนจะมีน้ำหนักมากขึ้นชัดเจน แต่ประเด็นดินแดนซึ่งเป็นหัวใจของข้อพิพาทยังคงเป็นเงื่อนไขชี้ชะตาความเป็นไปได้ของข้อตกลงสันติภาพในระยะต่อไป
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/news/articles/2025-12-15/us-offers-security-deal-in-ukraine-talks-but-territory-still-key